พรหมบันดาล(เล่ม ๑)
พรหมบันดาล(เล่ม ๑)
สัตบงกช(อนาคตอาจเปลี่ยน)
  • ซาบซึ้งตรึงใจ
คำโปรย ไม่รู้ว่าความบังเอิญหรือโชคชะตาที่ทำให้เธอ หลงยุค หลงสมัย ข้ามภพข้ามชาติมาอยู่ที่นี้ได้ ให้ตายเถอะที่นี่มันคือที่ไหน? เด็กกะโหลกกะลาเพิ่งจบม. 6อย่างเธอ ความรู้ประวัติศาสตร์มีเท่าหางอึ่ง....แล้วแบบนี้อีบัวจะเอาตัวรอดยังไงกันเนี้ย ***************** ตัวอย่าง “เจ้าหิวแล้วฤา?” “ว้าย....” จงกลนีร้องลั่นสะดุ้งวาบเมื่อจู่ๆ ขุนสิงห์ก็โผล่มาจากข้างเกวียนเอ่ยทะลุกลางปล้องแบบไม่ทันให้ตั้งตัว หญิงสาวมองใบหน้าเรียบนิ่ง ท่าทางองอาจที่นั่งอยู่บนหลังม้าด้วยสายตาไม่เป็นมิดแบบที่ตั้งใจให้เขารู้ไปเลยว่าอย่ามายุ่งแล้วรีบปิดม่านสะบัดบ๊อบหนีเข้าข้างในทันที ซวยจริงๆ ...จากที่เห็นข้างนอก ขบวนขนาดนี้คนคงจะเยอะน่าดู แล้วมันประจวบเหมาะอะไรกันนักเขาถึงต้องมาเจอตอนเธอขอข้าวกิน คิดแล้วใบหน้างามยิ่งหงิกงอนั่งกอดเข่าฟังท้องร้องโครกครากอยู่อย่างนั้นเพราะไม่อยากออกไปเจอหน้าคนที่ไม่อยากเจออีก ขุนสิงห์มองร่างที่หายลับไป แม้นจักรู้แจ้งแก่ใจว่าเพราะเหตุใดนางจึงมีกิริยาต่อต้านตนนัก แต่ก็หาหักห้ามใจมิให้รุ่มร้อนด้วยโทสะได้ ถึงกระนั้นก็จำต้องข่มกลั้นไว้เอ่ยให้บ่าวไปนำข้าวปลาอาหารมาเสียโดยไว มิกี่อึดใจต่อมาร่างใหญ่ก็ลงจากม้าแล้วนำอาหารเข้าไปภายในเกวียน ลุงผู้บังคับเกวียนเห็นดังนั้นจึงเร่งลงไปเดินเท้าอยู่ข้างวัวด้านหน้าเยี่ยงผู้รู้หน้าที่ มือใหญ่วางถาดที่สานจากไม้ไผ่ ซึ่งมีกับข้าวเป็นปลาแห้งย่าง น้ำพริกผักต้มแลข้าวเหนียวร้อนๆ อีกหนึ่งถ้วยไว้ตรงหน้าร่างน้อย ก่อนจักหันไปจัดการปิดผ้าให้มิดกันหลากสายตาของผู้คนภายนอกแล้วนำกระบอกน้ำวางไว้ข้างๆ กัน “กินเสียคงจักหิวมากแล้วสิหนาเจ้า เมื่อคืนไข้ขึ้นสูงจักปลุกให้ลุกมากินข้าวปลาก็เกรงจักทำให้จับไข้หนักขึ้นเสียเปล่า แล้วเป็นเยี่ยงไรแล้วบ้าง?” เอ่ยเสียงทุ้มมองหน้างอง้ำนั่งกอดเข่า จงกลนีมองการกระทำนั้นตาขวาง ไม่ตอบคำซ้ำยังหันหลังให้ ไม่อยากเห็นทั้งคนที่ย่ำยีทั้งอาหารที่เรียกน้ำย่อยให้ไหลโจ๊กๆ จนแสบกระเพาะไปหมด ขุนหนุ่มเห็นท่าแสนงอนนั้นก็ให้ทอดถอนใจ ข่มกลั้นความขวยอายไว้แล้วเขยิบไปนั่งชิดหลังบาง หากเอ่ยกันตามตรงตนก็เพิ่งจักเคยคิดทำกระไรขัดกับวิสัยเป็นคราแรกก็เพลานี้แล ใบหน้าครึ้มหนวดร้อนซ่านเกาท้ายทอยก่อนจักเอ่ยคำที่ทำให้รู้สึกเก้อกระดากนัก “เจ้าป่วยไข้เสียสองคราติดกัน ร่างกายคงจักมิค่อยมีแรงสิหนา เช่นนั้นให้ข้าป้อนเจ้าเถิด” เอ่ยไปมือก็บิเนื้อปลาเป็นชิ้นน้อยประกบกับข้าวเหนียวก้อนเล็ก แล้วจึงเอี้ยวตัวนำไปจ่อตรงปากอิ่มเอิบของร่างน้อย หญิงสาวตาเบิกกว้างแทบถลนมองก้อนข้าวเหนียวกับเนื้อปลาหอม แล้วหันไปมองหน้าเรียบนิ่งมีเพียงดวงตาเท่านั้นที่พราวระยับ ไหนจะคำพูดลิเกขัดกับบุคลิกนั่นอีก จงกลนีได้แต่เม้มปากแน่นหันหน้าหนี “กินเถิดหนาสักคำก็ยังดี” “ไม่กินแล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับข้า” ไม่ว่าเปล่ามือเล็กยังปัดมือใหญ่ที่คอยคะยั้นคะยอให้ออกห่าง จนข้าวที่ขุนสิงห์สู้บรรจงเปิบให้หล่น กราวไปบนพื้นไม้ไผ่ ดวงตาคมกล้าที่เคยพราวระยิบกลับมาเรียบนิ่งดุจดั่งเก่า ก่อนจับร่างน้อยให้หันมาเผชิญหน้ากันแล้วเอ่ยบอกเสียงเย็น “จักโกรธเกลียดปานใดก็อย่าหาลงกับเสบียง ข้าวทุกเม็ดกว่าจักได้มานั้นมิใช่เรื่องง่าย” หญิงสาวจ้องด้วยความวาวโรจน์เช่นเดียวกัน แม้ลึกๆ แล้วจะอดเสียดายแถมยังรู้สึกไม่ดีที่แสดงกิริยาเหมือนทำร้ายจิตใจคนอื่นลงไปแต่พอคิดอีกทีก็ช่วยไม่ได้เขาทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจกันก่อนนี่ รู้เอาไว้เลยทิฐิมันค้ำคอ จะลงให้ง่ายๆ เธอทำไม่ได้หรอก “นั้นมันก็เรื่องของท่าน....” จงกลนีตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำสะบัดตัวเองออกจากสองมือใหญ่แล้วเขยิบถอยไปราวหนึ่งช่วงแขน ก่อนทำหน้าคว่ำไม่ยอมเงยขึ้นดูอีกฝ่ายอีกเลย “เรื่องของข้าคือเหตุใดเจ้าถึงมิยอมกิน” “ก็เพราะว่าข้าเกลียดท่าน แค่เห็นหน้าของท่านข้าก็พะอืดพะอมจะแย่” พะอืดพะอมเชียวฤา? ขุนสิงห์ได้ยินแล้วก็จนด้วยคำพูด เลือดในอกเดือดพล่าน หน้าจากที่เห่อร้อนด้วยความเก้อเขินกลับกลายเป็นโทสะ ร่างใหญ่ยืดตัวตรงมิเอ่ยต่อความ แต่หันไปเปิบเข้าแลกับเข้าปากตนเองแทน จงกลนีเหลือบตามอง แม้จะแปลกใจแต่ก็อดสะใจไม่ได้ หน่อยอะไรๆ ก็บังคับ ให้มันรู้ซะบ้างถ้าคนอย่างเธอบอกไม่กินซะอย่างใครจะทำอะไรได้ แต่กระหยิ่มใจได้ไม่เท่าไหร่ร่างน้อยก็ต้องเบิกตาด้วยความตะลึง กรีดร้องลั่นเมื่อจู่ๆ ขุนสิงห์ก็จับร่างเธอดึงให้ไปนั่งคร่อมตัก ทั้งเร็วแรงจนคิดจะขัดขืนยังทำไม่ทัน “ทำบ้าอะไรปล่อยข้านะ...อื้อ” ประคุณเจ้าช่วยลูกด้วย! จงกลนีอยากจะดิ้นพล่านชักดิ้นชักงอเสียตรงนี้ แต่เกินปัญญาเมื่อมือสองข้างถูกมือข้างหนึ่งของคุณสิงห์รวบไว้ด้านหลังพร้อมกับล็อกเอวไม่ให้ขยับหนี ส่วนมือสากข้างที่เหลือจับท้ายทอยเธอไว้มั่นแล้วนำปากมาประกบกับปากของเธอ ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามามันไม่ทำให้เธอแทบจะลมจับดิ้นทุรนทุรายอยู่อย่างนี้หรอกถ้าเขาแค่จูบเฉยๆ แต่นี่มันกลับ... ร่างกำยำจับบังคับร่างน้อยให้อยู่นิ่งๆ ริมฝีปากแข็งกระด้างใช้จังหวะที่แม่เน่งน้อยเผยอปากจักส่งเสียงดุนลิ้นให้ปากอิ่มเปิดกว้างแล้วนำอาหารที่ตนเคี้ยวจนละเอียดลำเลียงเข้าไป แม้นนางพยายามจักคายออกมาก็หาทำได้ เพราะตนปิดทางออกไว้เสียสนิทพร้อมกับจูบบังคับให้นางกลืนลงท้อง ดวงตาฉายประกายโทสะค่อยผ่อนคลายลงแล้วดูดซับปากน้อย เมื่อรู้สึกว่าอาหารถูกกลืนไปเรียบร้อยจึงได้ถอนปากออกมาและเล็มริมฝีปากอิ่มทั้งบนแลล่าง ส่วนมือข้างที่ล็อกข้อมือเล็กเปลี่ยนมาโอบเพียงเอวคอดแทน จงกลนีอยากจะเป็นลมเสียเดียวนี้จากที่พะอืดพะอมเพียงลมปาก มาตอนนี้หญิงสาวแทบอยากจะอ้วกจริงๆ รสอาหารที่ถูกเคี้ยวจนละเอียดแล้วกลืนเข้าลำคอคงไม่น่าขยะแขยงหรอกหากคนเคี้ยวเป็นเธอไม่ใช่คนอื่น มือน้อยทุบบ่ากว้างสุดแรงแต่แทนที่เขาจะสะทกสะท้านกลับเป็นเธอที่เจ็บมือซะเอง ก่อนจะผละหน้าออกมาสำเร็จแล้วทำท่าจะขย้อนของเก่าออกแต่กลับถูกมือใหญ่แทบจะเท่าหน้าของเธอปิดมันไว้แน่น “อย่าแม้นแต่จักคิดขย้อนมันออกมาเชียวหนา มิเช่นนั้นข้าจักป้อนเจ้าเยี่ยงนี้จนกว่าข้าวแลกับในถาดนี้จักหมด” เสียงทุ้มต่ำเย็นเหยียบเอ่ยมาพร้อมกับคำขู่ทำเอาเธอขยาดขนลุกไปทั้งร่าง ดวงตากลมใสน้ำตาเล็ดมองสายตาเอาเรื่องของคนตรงหน้าแทบอยากจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วจำต้องกัดฟันกลืนก้อนฝาดๆ ที่ขึ้นมาถึงคอให้ลงกระเพาะดั่งเดิม เรียวนิ้วสองข้างจิกเล็บลงบนบ่าแกร่งแน่น บอกได้สองคำว่า’ เจ็บใจ’ เขาจงใจแก้เผ็ดเธอ เห็นสายตาแม้เรียบนิ่งแต่มีแววระรื่นนั่นก็พอจะดูออก น้ำตาหยดน้อยไหลลงข้างแก้มแม้อยากกรีดร้องแล้วทุบตีคนตรงหน้าซะให้ตายคามือ ********************* ปล.ขอให้อ่านอย่างมีความสุขนะคะ
อสุรากับยาใจ เล่ม 3
อสุรากับยาใจ เล่ม 3
เยว่เชี่ยจิงหู
  • ซาบซึ้งตรึงใจ
ธรรมดาแล้ว หากถูกจอมมารจับตัวไปชีวิตจะต้องรันทด โดนรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ข้า... กลับไม่เป็นเช่นนั้น กล่าวกันว่าหากหญิงใดเก่งงานบ้านการเรือน มีฝีมือการทำอาหารเป็นเลิศ ถือว่าเท้าข้างหนึ่งของหญิงผู้นั้นเหยียบอยู่บนกองเงินกองทองเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่านางจะต้องเป็นที่ถูกอกถูกใจของเหล่าแม่สื่อแม่หา ต้องแต่งเข้าบ้านเศรษฐีให้กับคุณชายผู้เพียบพร้อมสักคนเป็นแน่ แต่ชีวิตของหลัวซีกลับไม่เป็นเช่นนั้น ยามกินก็ต้องป้อน ยามนอนก็ต้องกล่อม เขาเป็นจอมมารหรือบุตรชายคนโตของข้ากันแน่? พรสวรรค์ด้านการทำอาหารของนางชักชวนแต่เรื่องร้ายๆ ให้มาเคาะประตูบ้าน ที่เลวร้ายที่สุดก็คือชักชวนให้ดาวมฤตยูอย่างชวนจิ่งอวี้... ประมุขแห่งพรรคจู่เหว่ยอวี้—พรรคฝ่ายอธรรมอันเลื่องชื่อ ผู้ผอมแห้ง กินยากเรื่องมาก ซ้ำยังเป็นโรคนอนไม่หลับ ให้ตรงดิ่งมาหานางถึงที่ ในที่สุดนางก็ถูกซื้อไปเป็นแม่ครัวประจำตัวของบุรุษที่เอาใจยากที่สุดในใต้หล้า นี่คือเรื่องราวของอสูรผู้ผ่ายผอมราวกับไม้ฟืน โหดเหี้ยมและเลือกกินเป็นที่สุด กับหญิงงามผิวบางผู้มีพรสวรรค์ในการล่อหลอกเป็นเลิศ เขากินหนึ่งคำ นางรอดชีวิตไปอีกหนึ่งวัน เช่นนั้นก็กินให้มากสักหน่อยเถิด กินให้อ้วนท้วนไปเลย!
อสุรากับยาใจ เล่ม 2
อสุรากับยาใจ เล่ม 2
เยว่เชี่ยจิงหู
  • ซาบซึ้งตรึงใจ
ธรรมดาแล้ว หากถูกจอมมารจับตัวไปชีวิตจะต้องรันทด โดนรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ข้า... กลับไม่เป็นเช่นนั้น กล่าวกันว่าหากหญิงใดเก่งงานบ้านการเรือน มีฝีมือการทำอาหารเป็นเลิศ ถือว่าเท้าข้างหนึ่งของหญิงผู้นั้นเหยียบอยู่บนกองเงินกองทองเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่านางจะต้องเป็นที่ถูกอกถูกใจของเหล่าแม่สื่อแม่หา ต้องแต่งเข้าบ้านเศรษฐีให้กับคุณชายผู้เพียบพร้อมสักคนเป็นแน่ แต่ชีวิตของหลัวซีกลับไม่เป็นเช่นนั้น ยามกินก็ต้องป้อน ยามนอนก็ต้องกล่อม เขาเป็นจอมมารหรือบุตรชายคนโตของข้ากันแน่? พรสวรรค์ด้านการทำอาหารของนางชักชวนแต่เรื่องร้ายๆ ให้มาเคาะประตูบ้าน ที่เลวร้ายที่สุดก็คือชักชวนให้ดาวมฤตยูอย่างชวนจิ่งอวี้... ประมุขแห่งพรรคจู่เหว่ยอวี้—พรรคฝ่ายอธรรมอันเลื่องชื่อ ผู้ผอมแห้ง กินยากเรื่องมาก ซ้ำยังเป็นโรคนอนไม่หลับ ให้ตรงดิ่งมาหานางถึงที่ ในที่สุดนางก็ถูกซื้อไปเป็นแม่ครัวประจำตัวของบุรุษที่เอาใจยากที่สุดในใต้หล้า นี่คือเรื่องราวของอสูรผู้ผ่ายผอมราวกับไม้ฟืน โหดเหี้ยมและเลือกกินเป็นที่สุด กับหญิงงามผิวบางผู้มีพรสวรรค์ในการล่อหลอกเป็นเลิศ เขากินหนึ่งคำ นางรอดชีวิตไปอีกหนึ่งวัน เช่นนั้นก็กินให้มากสักหน่อยเถิด กินให้อ้วนท้วนไปเลย!
อสุรากับยาใจ เล่ม 1
อสุรากับยาใจ เล่ม 1
เยว่เชี่ยจิงหู
  • ซาบซึ้งตรึงใจ
ธรรมดาแล้ว หากถูกจอมมารจับตัวไปชีวิตจะต้องรันทด โดนรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ข้า... กลับไม่เป็นเช่นนั้น กล่าวกันว่าหากหญิงใดเก่งงานบ้านการเรือน มีฝีมือการทำอาหารเป็นเลิศ ถือว่าเท้าข้างหนึ่งของหญิงผู้นั้นเหยียบอยู่บนกองเงินกองทองเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่านางจะต้องเป็นที่ถูกอกถูกใจของเหล่าแม่สื่อแม่หา ต้องแต่งเข้าบ้านเศรษฐีให้กับคุณชายผู้เพียบพร้อมสักคนเป็นแน่ แต่ชีวิตของหลัวซีกลับไม่เป็นเช่นนั้น ยามกินก็ต้องป้อน ยามนอนก็ต้องกล่อม เขาเป็นจอมมารหรือบุตรชายคนโตของข้ากันแน่? พรสวรรค์ด้านการทำอาหารของนางชักชวนแต่เรื่องร้ายๆ ให้มาเคาะประตูบ้าน ที่เลวร้ายที่สุดก็คือชักชวนให้ดาวมฤตยูอย่างชวนจิ่งอวี้... ประมุขแห่งพรรคจู่เหว่ยอวี้—พรรคฝ่ายอธรรมอันเลื่องชื่อ ผู้ผอมแห้ง กินยากเรื่องมาก ซ้ำยังเป็นโรคนอนไม่หลับ ให้ตรงดิ่งมาหานางถึงที่ ในที่สุดนางก็ถูกซื้อไปเป็นแม่ครัวประจำตัวของบุรุษที่เอาใจยากที่สุดในใต้หล้า นี่คือเรื่องราวของอสูรผู้ผ่ายผอมราวกับไม้ฟืน โหดเหี้ยมและเลือกกินเป็นที่สุด กับหญิงงามผิวบางผู้มีพรสวรรค์ในการล่อหลอกเป็นเลิศ เขากินหนึ่งคำ นางรอดชีวิตไปอีกหนึ่งวัน เช่นนั้นก็กินให้มากสักหน่อยเถิด กินให้อ้วนท้วนไปเลย!
เพชรยอดบัลลังก์ (ซีรี่ส์โฉมงามบรรณาการ) เล่ม 3(เล่มจบ)
เพชรยอดบัลลังก์ (ซีรี่ส์โฉมงามบรรณาการ) เล่ม 3(เล่มจบ)
เฉียนลู่
  • 5.00 (2)
  • ซาบซึ้งตรึงใจ
หนึ่งโฉมงาม ผู้เย่อหยิ่งยโส หนึ่งจักรพรรดิ ผู้เป็นเจ้าชีวิตของทุกผู้ทุกนาม ลุ้นไปกับความรักของเขาและเธอ ภายใต้ความขัดแย้งและกลศึก ชิงเฟิงคือหนึ่งในสามโฉมงามบรรณาการระหว่างประเทศที่เฮ่าเยว่มอบให้กับแคว้นเรืองอำนาจอย่างฉงเยว่... เพื่อที่จะได้เธอมา เยี่ยนหงเทียนทำทุกวิถีทางโดยไม่เลือกวิธีการ เขาบีบคั้นจนครอบครัวเธอแตกแยกประเทศชาติล่มสลาย เธอ...ผู้เป็นเพียงของเล่นที่เหลือแต่ร่างและลมหายใจจะเอาชีวิตรอดปลอดภัยภายใต้กรงเล็บพญามังกรอย่างเขาได้หรือ... ต้องเด็ดเดี่ยวสักเท่าใดจึงจะต่อกรกับเหล่าเล่ห์ร้ายหลังกำแพงวังอันงดงามนั้นได้... ต้องกล้าหาญสักเท่าใด จึงจะหลีกหนีจากคำว่ารักได้สำเร็จ
เพชรยอดบัลลังก์ (ซีรี่ส์โฉมงามบรรณาการ) เล่ม 2
เพชรยอดบัลลังก์ (ซีรี่ส์โฉมงามบรรณาการ) เล่ม 2
เฉียนลู่
  • 5.00 (1)
  • ซาบซึ้งตรึงใจ
หนึ่งโฉมงาม ผู้เย่อหยิ่งยโส หนึ่งจักรพรรดิ ผู้เป็นเจ้าชีวิตของทุกผู้ทุกนาม ลุ้นไปกับความรักของเขาและเธอ ภายใต้ความขัดแย้งและกลศึก ชิงเฟิงคือหนึ่งในสามโฉมงามบรรณาการระหว่างประเทศที่เฮ่าเยว่มอบให้กับแคว้นเรืองอำนาจอย่างฉงเยว่... เพื่อที่จะได้เธอมา เยี่ยนหงเทียนทำทุกวิถีทางโดยไม่เลือกวิธีการ เขาบีบคั้นจนครอบครัวเธอแตกแยกประเทศชาติล่มสลาย เธอ...ผู้เป็นเพียงของเล่นที่เหลือแต่ร่างและลมหายใจจะเอาชีวิตรอดปลอดภัยภายใต้กรงเล็บพญามังกรอย่างเขาได้หรือ... ต้องเด็ดเดี่ยวสักเท่าใดจึงจะต่อกรกับเหล่าเล่ห์ร้ายหลังกำแพงวังอันงดงามนั้นได้... ต้องกล้าหาญสักเท่าใด จึงจะหลีกหนีจากคำว่ารักได้สำเร็จ
เพชรยอดบัลลังก์ (ซีรี่ส์โฉมงามบรรณาการ) เล่ม 1
เพชรยอดบัลลังก์ (ซีรี่ส์โฉมงามบรรณาการ) เล่ม 1
เฉียนลู่
  • 5.00 (1)
  • ซาบซึ้งตรึงใจ
หนึ่งโฉมงาม ผู้เย่อหยิ่งยโส หนึ่งจักรพรรดิ ผู้เป็นเจ้าชีวิตของทุกผู้ทุกนาม ลุ้นไปกับความรักของเขาและเธอ ภายใต้ความขัดแย้งและกลศึก ชิงเฟิงคือหนึ่งในสามโฉมงามบรรณาการระหว่างประเทศที่เฮ่าเยว่มอบให้กับแคว้นเรืองอำนาจอย่างฉงเยว่... เพื่อที่จะได้เธอมา เยี่ยนหงเทียนทำทุกวิถีทางโดยไม่เลือกวิธีการ เขาบีบคั้นจนครอบครัวเธอแตกแยกประเทศชาติล่มสลาย เธอ...ผู้เป็นเพียงของเล่นที่เหลือแต่ร่างและลมหายใจจะเอาชีวิตรอดปลอดภัยภายใต้กรงเล็บพญามังกรอย่างเขาได้หรือ... ต้องเด็ดเดี่ยวสักเท่าใดจึงจะต่อกรกับเหล่าเล่ห์ร้ายหลังกำแพงวังอันงดงามนั้นได้... ต้องกล้าหาญสักเท่าใด จึงจะหลีกหนีจากคำว่ารักได้สำเร็จ
เพียงแรกพบ เล่ม 2 (维和粽子)(เล่มจบ)
เพียงแรกพบ เล่ม 2 (维和粽子)(เล่มจบ)
维和粽子
  • ซาบซึ้งตรึงใจ
Author: 维和粽子 ISBN : 978-616-7856-24-7 Cover Art: Design by Hongsamut Thai edition copyright Hongsamut.com Co., ltd ALL RIGHTS RESERVED ------------------- นางเป็นหมอเทวดามิใช่รึ ทำไมมีชีวิตเหมือนอยู่ในนรกเลยล่ะ? เสิ่นจือหลี หมอเทวดาเจ้าหุบเขาหวยชุนถึงกับต้องกุมขมับเมื่อเห็นสภาพคนไข้รายล่าสุดเข้า “เขาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?” “ล้ม” ชิงสิง...คนสนิทของผู้ป่วยตอบกว้างๆ  เสิ่นจือหลีเลิกคิ้ว...  “แล้วลื่น...”  คราวนี้ท่านหมอคนงามถอนหายใจยาว เท้าสะเอวจ้องตอบด้วยสายตาดุกว่าเดิม ชิงสิงสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะยอมรับในที่สุด “ล้ม…ลื่น…แล้วกลิ้งตกลงไปในเหว” “ตกเหว!!!” ใช่แล้ว... นางช่วยชีวิตคุณชายผู้หนึ่งที่โดนหญิงคนรักถีบตกภูเขามาหมาดๆ ไม่นึกว่าหลังจากที่คุณชายผู้นี้ตื่นมาก็หลงรักนาง ตามติด ตามลวนลาม ตามตื๊อเสียจนแกะไม่ปล่อย ถึงแม้ว่านิสัยของนางไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่แต่คุณธรรมในการเป็นหมอก็ยังคงมี อยู่ นางจึงยอมให้ชายผู้นี้อาศัยด้วยจนกว่าความทรงจำเขาจะกลับคืนมา คาดไม่ถึงยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ “เจ้าอย่าตามข้าอีกเลยจะได้ไหม” “แต่ว่า... ข้าหลงรักจือหลีนี่นา” เขาโผล่ขนตางอนงามออกมาแอบมองนาง “รัก…เฮอะ ถ้าข้าเชื่อคนไข้ความจำเสื่อมอย่างเจ้าข้าก็ปัญญาอ่อนแล้ว” “จือหลี... แช่งตัวเองอย่างนั้นไม่ดีนะ” นางกัดฟัน สงบอารมณ์ตัวเองสุดฤทธิ์ “เจ้าไปให้พ้นหน้าข้านะ หากข้าเห็นเจ้าสะกดรอยตามมาอีกล่ะก็ ข้าจะขายเจ้าทิ้งซะเลย!” ซูเฉินเช่อนิ่งงันไปครู่หนึ่ง แล้วจึงชมเปาะเสียงหวาน “จือหลี เจ้าช่างเก่งค้าขายเหลือเกิน” เก่งกับผีน่ะสิ! เจ้านั่นแหละเก่งตัวพ่อเลย!  ทั้งหว่านล้อม ทั้งตีมึน ทั้งตามติด  วิทยายุทธเลอเลิศจนข้าจะไม่มีที่ยืนบนโลกใบนี้อยู่แล้ว! 
เพียงแรกพบ เล่ม 1 (维和粽子)
เพียงแรกพบ เล่ม 1 (维和粽子)
维和粽子
  • ซาบซึ้งตรึงใจ
Author: 维和粽子 ISBN : 978-616-7856-24-7 Cover Art: Design by Hongsamut Thai edition copyright Hongsamut.com Co., ltd ALL RIGHTS RESERVED ------------------- นางเป็นหมอเทวดามิใช่รึ ทำไมมีชีวิตเหมือนอยู่ในนรกเลยล่ะ? เสิ่นจือหลี หมอเทวดาเจ้าหุบเขาหวยชุนถึงกับต้องกุมขมับเมื่อเห็นสภาพคนไข้รายล่าสุดเข้า “เขาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?” “ล้ม” ชิงสิง...คนสนิทของผู้ป่วยตอบกว้างๆ  เสิ่นจือหลีเลิกคิ้ว...  “แล้วลื่น...”  คราวนี้ท่านหมอคนงามถอนหายใจยาว เท้าสะเอวจ้องตอบด้วยสายตาดุกว่าเดิม ชิงสิงสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะยอมรับในที่สุด “ล้ม…ลื่น…แล้วกลิ้งตกลงไปในเหว” “ตกเหว!!!” ใช่แล้ว... นางช่วยชีวิตคุณชายผู้หนึ่งที่โดนหญิงคนรักถีบตกภูเขามาหมาดๆ ไม่นึกว่าหลังจากที่คุณชายผู้นี้ตื่นมาก็หลงรักนาง ตามติด ตามลวนลาม ตามตื๊อเสียจนแกะไม่ปล่อย ถึงแม้ว่านิสัยของนางไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่แต่คุณธรรมในการเป็นหมอก็ยังคงมี อยู่ นางจึงยอมให้ชายผู้นี้อาศัยด้วยจนกว่าความทรงจำเขาจะกลับคืนมา คาดไม่ถึงยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ “เจ้าอย่าตามข้าอีกเลยจะได้ไหม” “แต่ว่า... ข้าหลงรักจือหลีนี่นา” เขาโผล่ขนตางอนงามออกมาแอบมองนาง “รัก…เฮอะ ถ้าข้าเชื่อคนไข้ความจำเสื่อมอย่างเจ้าข้าก็ปัญญาอ่อนแล้ว” “จือหลี... แช่งตัวเองอย่างนั้นไม่ดีนะ” นางกัดฟัน สงบอารมณ์ตัวเองสุดฤทธิ์ “เจ้าไปให้พ้นหน้าข้านะ หากข้าเห็นเจ้าสะกดรอยตามมาอีกล่ะก็ ข้าจะขายเจ้าทิ้งซะเลย!” ซูเฉินเช่อนิ่งงันไปครู่หนึ่ง แล้วจึงชมเปาะเสียงหวาน “จือหลี เจ้าช่างเก่งค้าขายเหลือเกิน” เก่งกับผีน่ะสิ! เจ้านั่นแหละเก่งตัวพ่อเลย!  ทั้งหว่านล้อม ทั้งตีมึน ทั้งตามติด  วิทยายุทธเลอเลิศจนข้าจะไม่มีที่ยืนบนโลกใบนี้อยู่แล้ว! 
พันธะสวาท ตรวนเสน่หา เล่ม 2
พันธะสวาท ตรวนเสน่หา เล่ม 2
ฟ้าสีรุ้ง
  • ซาบซึ้งตรึงใจ
การกลับมาในครั้งนี้เพื่อเรียกร้องสิทธิผู้ชายคนแรกของเธอ ขาเรียวที่เหมือนจะไร้เรี่ยวแรงก้าวเดินออกจากตัวบ้านเพื่อไปปิดประตูรั้วให้แน่นหนา และคิดว่าคงจะพยายามข่มตาหลับให้ได้แม้ว่าหญิงสาวจะคิดถึงเขาจนหลับไม่ลงก็ตาม แต่ป่านนี้เขาคงมีความสุขกับลลิตาไปแล้ว แต่แล้วมือของหล่อนก็ต้องชะงัก เมื่อรถเก๋งของเขาวิ่งเข้ามาจอด พร้อมกับร่างสูงที่เดินลงมาจากรถเพียงคนเดียว ชายหนุ่มไม่รอให้หล่อนตั้งสติได้ เขาจัดการเปิดประตูรั้วเหล็กเล็กๆ และแทรกตัวเข้ามาทันที “คุณพชร!” “เข้าบ้าน!” เขาออกคำสั่งพร้อมทั้งอุ้มเอาคนที่ตะลึงงันไว้ในอ้อมกอด “ปล่อยนะคะ” หล่อนทุบไปตามอกเขาอย่างไม่เข้าใจ จู่ๆ เขาจะมาอุ้มหล่อนทำไม ถึงหล่อนจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็เดินเองได้ เขาวางหล่อนลงไปยังโซฟาและนั่งลงตามไปด้วย ไม่สนใจกับคนที่ปั้นหน้ายักษ์และแววตาที่ส่งมาให้อย่างไม่ชอบใจเลยสักนิดเดียว “คุณมาทำไม?” “มาหาคุณกับลูก” เขารั้งเอาเอวของหล่อนเข้ามาหาอีก หล่อนยังคงขืนตัวไว้ หากแต่เขาสังเกตได้ถึงใบหน้าอันแดงซ่านและความต้องการที่หล่อนมีต่อเขา “ฉันเคยบอกคุณแล้วไง...ว่าไม่ใช่ลูกคุณ!” ชายหนุ่มคว้าหมับที่ต้นแขนด้วยความไม่พอใจที่หญิงสาวไม่ยอมรับความจริงและพยายามผลักไสเขาออกไปจากชีวิตของหล่อนเสียให้ได้ “งั้นบอกผมมาสิกษมา...บอกมาสักชื่อหนึ่ง ถ้ามันเป็นไอ้คนที่มีปัญญาจ่ายให้ได้ระดับเดียวกับผม ผมคิดว่าผมก็น่าจะรู้จักบ้างละ ไหนว่ามาสิ...แล้วผมจะไปถอนชื่อออกจากการเป็นพ่อซะ มันง่ายมาก!”
พันธะสวาท ตรวนเสน่หา เล่ม 1
พันธะสวาท ตรวนเสน่หา เล่ม 1
ฟ้าสีรุ้ง
  • ซาบซึ้งตรึงใจ
เมื่อเธอเสนอ เขาจึงสนอง “คุณเป็นอะไรมากไหม” เขาถามออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ชายหนุ่มเป็นห่วงความรู้สึกของหล่อนขนาดนี้ได้ยังไงกัน? เรียวปากอวบอิ่มสั่นระริก หล่อนลอบยิ้มกับคำถามที่แฝงไว้ด้วยความห่วงหาอาทร แต่แล้วหล่อนก็ส่ายหน้าไปมาช้าๆ แทนการเปล่งคำพูดอะไรออกมา “มัน...คนที่คุณรัก พูดอะไรกับคุณ” “คะ” หล่อนไม่ได้หันหน้าไปเผชิญหน้ากับเขา แต่ก็งุนงงที่เขาถามคำถามนั้น “มันพูดอะไร ที่ทำให้คุณต้องดื่มไอ้สิ่งที่คุณไม่ชอบ” “คุณรู้ได้ยังไงคะ” “ตอบคำถามของผมดีกว่า...กษมา” “ฉันไม่อยากจะพูดถึงเขาอีก...ขอตัวนะคะ” หล่อนตัดบท ไม่อยากนึกถึงคำพูดที่ทำให้เจ็บใจ เรียวขาของหล่อนเริ่มก้าวออกจากคนที่ปล่อยท่อนแขนออกหลวมๆ แต่แล้วหญิงสาวก็ถูกเขาสวมกอดเอาอีก พร้อมกับจมูกคมที่กดลงมายังแอ่งชีพพจร หญิงสาวยืนแข็งทื่อ เรียวปากของเขานั้นร้อนผ่าวโดยที่หญิงสาวรับรู้ได้ไม่ยาก “ลืมเขาคนนั้นเถอะนะ คุณปิดใจทำไมในเมื่ออาจจะมีคนคอยคุณอยู่ก็ได้ ผู้ชายที่ไม่รู้ใจตัวเองไม่ควรคู่ที่คุณจะต้องมาเสียเวลาด้วยเลย” เขากระซิบบอกทั้งเป็นการปลอบใจและเพื่อช่วยให้หล่อนคิดได้บ้าง “ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันควบคุมสติได้” หล่อนรู้สึกว่าหัวใจที่ห่อเหี่ยวนั้นชุ่มฉ่ำขึ้นมาบ้าง แล้วกษมาก็หันหน้ามาเผชิญกับใบหน้าเข้มที่แดงก่ำไปจนถึงใบหู มือสวยยกขึ้นปัดเอาไรผมออกจากหน้าผากหนา ไล่ปลายนิ้วชี้ไปทั่วแก้มสากอีกข้างอย่างแผ่วเบาแต่ก็ทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งหัวใจ “คุณไม่เห็นต้องดีกับฉันก็ได้นี่คะ” “ผมไม่ใช่คนใจร้ายใจดำ”
หฤทัยพันธน์ (ภรรยาจำยอม)
หฤทัยพันธน์ (ภรรยาจำยอม)
อิสรียา(กฤติณ)
  • ซาบซึ้งตรึงใจ
“ไม่เห็นใจมันหรือไง ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมันอยากรักน้องเพื่อน…อยากรักใจจะขาด…” เขากระซิบออดอ้อน เมื่อรู้สึกปวดร้าวหนึบหนับจากการที่ไม่ได้ถูกปลดปล่อยมานาน เขาอยาก…อยากที่จะจับท่อนขาขาวๆ พาดบ่าแล้วค่อยๆ แทรกลึกเข้าไปในความนุ่มหยุ่นที่แสนคับแน่น จากนั้นจึงออกแรงขยับโยกให้เธอต้องร้องออกมาด้วยความเสียวกระสัน ให้เธอต้องเป็นฝ่ายอ้อนวอนร้องขอด้วยความทรมาน เพียงแค่คิดจินตนาการความเป็นชายก็ยิ่งแข็งขึง บดเบียดเสียดสีอยู่กับบั้นท้ายเต่งตึงแสนยั่วใจ ปลายนิ้วแกร่งจัดการรูดทั้งชั้นในและกางเกงนอนของเธอให้ไปกองที่ปลายเท้าอย่างชำนาญ เมื่อความอดทนเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด ยังไงคืนนี้เขาต้องได้ล่วงล้ำแทรกลึก จะให้ต้องปล้ำเมียตัวเองเขาก็จะทำ เขาไม่เคยเห็นใครถูกจับเข้าคุกในข้อหาปล้ำเมียสักคน หากเขาจะเป็นรายแรกก็ให้มันรู้ไป “ซี๊ดดดด…” แค่เริ่มต้นก็ทำให้เขาถึงกับร้องออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บที่แล่นพล่าน เมื่อปลายเล็บแหลมฝังลงบนผิวเนื้อแล้วออกแรงกดเต็มแรง เพราะต้องการต่อต้านที่เขาอาศัยพละกำลังที่มีมากกว่าจับท่อนขาเรียวให้ขึ้นไปพาดไว้กับสะโพกแกร่ง พลังต่อต้านของเธอทำให้เขาถึงกับเลือดซิบ ชายหนุ่มมองไปยังรอยแผลที่เป็นทางยาวตามรอยครูดบนท่อนแขนของตน ขณะที่ความเจ็บเปลี่ยนเป็นความแสบซ่านทรวง แสบเข้าไปถึงหัวใจ “รังเกียจพี่ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ” “ใช่ รังเกียจที่สุด” หญิงสาวตอบสั้นๆ แต่นั่นคือการยิ่งยั่วยุให้เขาเดินหน้า ยามนี้ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดเขาได้ ต่อจะต้องให้ได้มาอีกสักกี่แผลเขาจะยอม เจ็บแค่นี้นับว่าไกลหัวใจมากนัก เจ็บเพราะรอยแผลนั้นไม่ถึงตาย แต่เขากำลังจะตายเพราะไม่ได้ปลดปล่อย ดูสิว่าคราวนี้เธอจะฝากรอยแผลไว้บนร่างกายเขาที่ไหนอีกบ้าง ชายหนุ่มคิดขณะสอดประสานแทรกลึก พร้อมๆกับซุกไซร้ใบหน้าไปตามซอกคอหอมกรุ่น ในเมื่อเธอฝากรอยแผลเขาก็จะฝากรอยรัก เป็นรอยรักสลักจิตที่ไม่อาจลืม หญิงสาวพยายามส่ายหน้าหลีกหนีสัมผัสสากระคาย ที่กำลังปั่นป่วนหัวใจให้ต้องร้อนรุ่ม และในที่สุดก็จะตกเป็นทาสของเขาอีกครั้ง ทอดกายให้เขาได้เชยชมทั้งที่ยังไม่หายขุ่นเคือง “ไหนลองพูดอีกครั้งสิว่าเกลียด หากพูดออกมาพี่ก็จะหยุด ไม่มาเข้าใกล้ ไม่มารบกวนอีก” ชายหนุ่มกระซิบเสียงพร่าพร้อมๆ กับขยับโยกหนักหน่วง ผ่อนจังหวะให้ช้าลงเมื่อเขาอยากรักษาช่วงเวลาแห่งความสุขเอาไว้ไม่ให้จบลงอย่างรวดเร็ว สัมพันธ์รักสำหรับเขาและเธอมันคือความพันผูกยาวนาน เมื่อมาจากความรักมันจึงสุขล้ำและลึกซึ้ง ไม่ใช่สัมพันธ์ฉาบฉวยที่อาศัยความใคร่เป็นตัวนำพา สัมพันธ์แบบนั้นเมื่อต่างฝ่ายต่างถึงจุดหมาย ก็ไม่มีอะไรให้จดจำฝังใจ ไร้ซึ่งเยื่อใยและความอาลัยอาวรณ์ “ทั้งรัก…แล้วก็ทั้งเกลียด เคยได้ยินไหม” “ต่อให้เกลียดแค่ไหน…พี่ก็ยังรัก” “เกลียด เกลียดที่สุด” “ถ้าพูดอีกคำ พี่จะเอาออกจริงๆ นะ” “……” “พูดสิครับว่าเกลียด” “เพื่อน…” รอยยิ้มเล็กๆ ระบายขึ้นบนใบหน้าคมคร้าม เมื่อสาวเจ้าอ้ำอึ้ง นั่นยิ่งทำให้เขาย่ามใจ ที่กล้าท้าทายก็เพราะจับได้ว่ากายสาวกำลังสั่นสะท้านไปกับรสสัมผัสล้ำลึก…เขารู้ว่าเธอชอบมัน…ชอบกับการที่เขาฝากฝังตัวตนไว้ในร่างกายเธอ
ดั่งดวงชีวา
ดั่งดวงชีวา
อิสรียา(กฤติณ)
  • ซาบซึ้งตรึงใจ
เขา...เกลียดผู้หญิงทั้งโลก แต่มีเธอเป็นดั่งดวงชีวา ส่วนเธอเหมือนลูกนกหลงรัง ที่ถูกกักขังไว้ในกรงทอง ********************** "รู้สึกดี...ขึ้นมั้ย" หญิงสาวไม่ตอบ ได้แต่ปรือตามองก่อนจะค่อยๆ ยันกายลุกนั่งสบตากับคนตรงหน้า แววตายาวรีที่จับจ้องกลับมาทำให้ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบคล้ายกำลังหยุดคิดเพื่อทบทวนหัวใจ ความใกล้ชิดท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดและแสงสลัวจากไฟดาวน์ไลท์ พาให้ใจสองดวงปั่นป่วนและสั่นไหวจนเกินต้านทาน สายตาสองคู่ที่สบประสานสื่อความหมายแทนคำพูดได้อย่างชัดเจน 'ให้ตายสิปรายฟ้า...เธอช่าง....' อารชวินใจกระเจิดกระเจิงเมื่อหญิงสาวตรงหน้ากำลังจะทำให้เขาตบะแตก พลางคิดว่าคงไม่มีใครแปลกประหลาดเท่าเขาแน่นอน ที่พยายามข่มความปรารถนาไม่ให้ปะทุขึ้นมาแม้จะมีเนื้อหวานๆ มารออยู่ตรงหน้า พยายามท่องในใจว่าเธอกำลังเมา เขาไม่อยากฉวยโอกาสกับคนเมาเลยสักนิด แต่แววตาที่คล้ายยอมจำนนของเธอนั้น คือเชื้อเพลิงอย่างดีที่จุดให้ไฟปรารถนาโหมกระพือขึ้นมา ชายหญิงเมื่อได้ใกล้ชิดกันในบรรยากาศเป็นใจ ประกอบกับความรู้สึกซ่อนเร้นที่เป็นแรงกระตุ้นจนยากที่จะหักห้าม แล้วมันจะไปเหลืออะไรถ้าต่างฝ่ายต่างต้องการในกันและกัน "ต้องการ...ใช่มั้ยคะ" คนฟังตบะแตกขึ้นมาจริงๆ มาถามกันแบบนี้หากเขาไม่จับกดลงกับเตียง คงจะเสียเชิงชายชาติอาชาไนยแน่นอน แววตาคมกริบทอประกายวาววับพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าในมือที่ถูกโยนจนไปกองแหมะที่ข้างเตียงอย่างไม่ใยดี "หรือเธอไม่ต้องการ ปฏิเสธออกมาสิปรายฟ้า"